mongolia


Welcome to Mongolia

เริ่มต้น Trip Mongolia ด้วยภาพนี้เลย ภาพนี้ไม่ใช่ภาพแรกที่ถ่ายตอนที่ไปถึงมองโกเลีย และไม่ใช่ภาพที่ดูดีที่สุดของ Trip นี้

แต่ที่เลือกภาพนี้ขึ้นก่อนเพราะสื่อความรู้สึกแรกที่มาถึงมองโกเลียได้ดี (ไม่นับความรู้สึกบนเครื่องบินและในสนามบิน เพราะช่วงนั้นถ่ายภาพไม่ได้) ขณะที่นั่งรถจากสนามบินไปยังที่พักก็ชมทิวทัศน์สองข้างทางมาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาทุ่งหญ้า พอมาถึงตัวเมืองจึงได้สัมผัสบรรยากาศของที่พักอาศัย, ที่ทำงาน, ศูนย์การค้า และการจราจรที่หนาแน่น


เมื่อพูดถึงมองโกเลียก็จะต้องนึกถึงท่านเจงกีสข่าน ตอนที่นั่งรถมาจากสนามบินก็พยายามสังเกตว่าจะมีอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับท่านเจงกีสข่าน จนกระทั่งมาถึงอาคารที่เห็นในภาพ เห็นรูปปั้นหน้าอาคารแล้วก็ฟันธงเลยว่า นี่แหละรูปปั้นท่านเจงกีสข่านชัวร์ และอาคารข้างหลังก็คงเป็นพิพิธภัณฑ์ หรืออะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับประวัติของท่านเจงกีสข่าน เนื่องจากว่าวันนั้นมีอะไรทีต้องทำอีกเยอะเลยไม่ได้แวะเข้าไปดู และก็เดินทางต่อไปจนถึงที่พัก

เพื่อประหยัดเวลาก็ข้ามเหตุการณ์ในที่พักไปเลยแล้วกัน แม้จะมีเรื่องประทับใจอยู่เยอะ แต่เน้นภาพรวมให้จบก่อนดีกว่า หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อยปรับความเป็นอยู่เรียบร้อย ก็เริ่มวางแผนสำรวจพื้นที่ โดยเช็ครายละเอียดและวางแผนเส้นทางบน google map

เมื่อเปิดแผนที่ขึ้นมาก็แทบจะกำหนดเส้นทางเดินได้ทันทีเลยต้องเดินไปแม่น้ำแล้วค่อยวกเข้าตัวเมือง และเข้าไปดูอนุสาวรีย์ของเจงกีสข่าน

เนื่องจากตอนนั้นยังไม่มีซิมโทรศัพท์ยังใช้เน็ตมือถือไม่ได้เลยต้องอาศัยดูแผนที่แบบ offline ไปเรื่อยๆ แม้จะขยายรายละเอียดไม่ได้แต่ก็ระบุตำแหน่งได้ว่ากำลังอยู่ตรงไหน

เตรียมการเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินเวลาประมาณ 5 โมงเย็น เป้าหมายแรกคือหาแม่น้ำให้เจอก่อน เดินออกมาก็ต้องตกใจกับสภาพการจราจรที่ไม่ใช่แค่ติดขัด แต่ต้องบอกว่าการจราจรที่ค่อนข้างจะไร้รูปแบบ รถวิ่งสับสนไปหมด

และโจทย์แรกที่ท้าทายคือการข้ามถนน อุตส่าห์ไปตรงทางม้าลาย และไฟแดงสำหรับข้ามถนนแล้ว แต่รถไม่ยอมหยุดให้ ข้ามไม่ได้ซะที รออยู่ตั้งนานจึงตัดสินใจเดินตามคนมองโกเลียไปเลยแล้วกัน ไม่ต้องรอไฟแดงแล้ว จึงข้ามได้ในที่สุด

พอข้ามถนนมาได้ถึงจุดที่ในแผนที่ระบุว่าเป็นแม่น้ำ แต่ดูสภาพจริงแล้วไม่เห็นมีน้ำเลย เหมือนร่องทางน้ำตื้นๆ เป้าหมายแรกที่ว่าจะถ่ายรูปแม่น้ำสวยๆ เลยต้องล้มเลิกไป เปลี่ยนมาเป็นการถ่ายรูปรถติดแบบสุดๆแทน
แล้วก็เดินมาถึงจุดที่เป็นอนุสาวรีย์ในที่สุด กว่าจะมาถึงได้ก็ใช้เวลาเกือบสองชั่่วโมง ออกเดินตอนห้าโมงกว่า ถึงอนุสาวรีย์ประมาณหนึ่งทุ่ม แต่เวลาหนึ่งทุ่มฟ้ายังสว่างอยู่เลย เหมือนกับเพิ่งบ่ายสองบ่ายสามเอง ซึ่งก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้ว เพราะตอนกลับไปที่พักปิดม่านลง มันก็มืดอยู่ดี

เมื่อเดินถนนข้ามฝั่งมาถึงอนุสาวรีย์ กะว่าจะถ่ายรูปกับท่านเจงกีสข่านซะหน่อย กลับต้องผิดหวังไปเต็มๆ ไม่ใช่อนุสาวรีย์ของท่านเจงกีสข่าน แต่เป็นอนุสาวรีย์ของมาโคโปโล งงไปเลยว่ามาโคโปโล มาเกี่ยวอะไรกับมองโกเลียด้วย

แต่ไหนๆก็มาแล้วถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย กลับที่พักค่อยถาม goo先生ถึงความสัมพันธ์ของมาโคโปโลกับ มองโกเลีย ในที่สุดก็ได้รู้ว่ามาโคโปโล เป็นชาวยุโรปคนแรกๆที่เดินทางเข้ามามองโกเลีย และด้วยความที่ท่านเป็นนักเล่าเรื่อง จึงเอาเรื่องราวของมองโกเลียไปเล่าให้ชาวยุโรปฟัง

ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอาสงส์การเล่าเรื่องของมาโคโปโลหรือเปล่าที่ทำให้ตอนนี้ชาวยุโรปและอเมริกาไปมองโกเลียกันเยอะ ขนาดในเครื่องบินที่นั่งมาผู้โดยสารเกินครึ่งเป็นฝรั่งทั้งนั้น การสำรวจเมืองก็จบลงด้วยเรื่องราวของมาโคโปโล แต่เมื่อมามองโกเลียแล้วยังไม่ได้เจอท่านเจงกีสข่านก็ถือว่ายังมาไม่ถึง

ดังนั้นเส้นทางการสำรวจยังไม่จบแค่นี้ หลังจากเสร็จภารกิจหลักแล้ว จึงเริ่มต้นการสำรวจมองโกเลียให้ลึกซึ้งกว่าเดิม เป้าหมายอยู่ที่อนุสาวรีย์ท่านเจงกีสข่าน

เริ่มต้นการเดินทางด้วยการไปนมัสการพระพุทธรูปเพื่อสิริมงคลก่อน แล้วจากนั้นสารถีก็เริ่มขับรถพาออกนอกเมือง ได้บรรยากาศของความโล่งโปร่งเบาสบาย ของเมืองแห่งทุ่งหญ้าจริงๆ

น้องที่ไปด้วยกันเล่าให้ฟังว่า ประเทศมองโกเลียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ท้องฟ้าสวยมาก ฟ้าเป็นสีฟ้าจริงๆ เลยได้รับการขนานนามว่า Blue Sky Country ถ้าอยากดูฟ้าสวยๆต้องมาดูที่มองโกเลีย

สองข้างทางที่นั่งรถผ่านเป็นบรรยากาศทิวเขา(ที่ไม่มีต้นไม้) และท้องทุ่ง เห็นฝูงสัตว์เลี้ยงอยู่เรื่อยๆ ดูแล้วก็สวยไปอีกแบบ นั่งรถไปก็ถ่ายรูปไปพลาง

แล้วในที่สุดก็ถึงจุดหมายคืออนุสาวรีย์ของท่านเจงกีสข่าน แค่ดูจากรถไกลๆก็ยังมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่เลย สมกับเป็นบุคคลสำคัญของประเทศจริงๆ
เมื่อเดินทางมาถึงอนุสาวรีย์ของท่านเจงกีสข่านแล้วก็ถือว่าได้มาถึงประเทศมองโกเลียจริงๆ ข้างในอนุสาวรีย์มีนิทรรศการความเป็นมาของประเทศ มีตัวอย่างอาวุธต่างๆ ทำให้ได้สัมผัสชีวิตนักรบบนหลังม้าชนชาติมองโกเลียอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

ท่านเจงกีสข่านเป็นยอดผู้นำของมองโกเลีย มีชื่อเสียงเรื่องการรบ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าท่านจะเป็นคนเริ่มต้นวางระบบการรบแบบหมู่สิบ คือ ในหนึ่งหมู่จะมีทหารสิบนาย ท่านใช้รูปแบบการรบบนหลังม้าขยายอาณาเขตกว้างไกลไปถึงยุโรป

แต่ท่านอาจจะไม่ค่อยถนัดเรื่องการบริหาร หรือการปกครองเลยทำให้พื้นที่ที่ยึดได้ไม่ค่อยให้การยอมรับเท่าไหร่ และจากการอ่านประวัติของท่านที่เขียนไว้บนบอร์ดในนิทรรศการ ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใครเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่าน รูปที่วาดขึ้นมาก็วาดจากเค้าโครงใบหน้าของลูกหลานมากกว่า

เนื่องจากความสามารถภาษาอังกฤษมีไม่มากเลยสรุปใจความได้ประมาณนี้ อาจจะแปลผิดไปบ้างก็คงต้องหาเวลาศึกษารายละเอียดกันต่อไป เรื่องราวของมองโกเลียนั้นยังมีอะไรมีมากมาย แต่post นี้เขียนภาพรวมของการเดินทางเป็นหลัก ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆนั้นคงต้องหาโอกาสเขียนใน post อื่นๆต่อไป

Click ชมภาพถ่ายของมองโกเลียได้ที่นี่

Comments

Popular posts from this blog